นโยบายการประมวลผลข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคล
ภายใต้พระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
    1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป
      1. ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ( Identity Data ) เช่น ชื่อ นามสกุล เล ขประจำตัวบัตรประชาชน เลขหนังสือเดินทาง วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ ภาพถ่าย เลขประจำตัวใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์ ข้อมูลใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ เป็นต้น
      2. ข้อมูลติดต่อ ( Contact Data ) เช่น ที่อยู่ สำเนาทะเบียนบ้าน เบอร์โทรศัพท์ เบอร์โทรสาร อีเมล บัญชีการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ LINE ID เป็นต้น
      3. ข้อมูลทางการเงิน ( Financial Data ) เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร เป็นต้น
      4. ข้อมูลการติดต่อกับบริษัท ( Communication Data ) เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับวัน เวลา สถานที่ที่ติดต่อกับ บริษัท ข้อมูลการบันทึกภาพหรือเสียงเมื่อมีการติดต่อกับบริษัท เป็นต้น
      5. ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือหน่วยงานที่ทำงาน เช่น บริษัทที่ทำงานหรือหน่วยงานต้นสังกัด สถานที่ทำงาน ตำแหน่งงาน เป็นต้น
      6. ข้อมูลการบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิด CCTV เพื่อความปลอดภัยในสถานประกอบการของบริษัท
      7. ข้อมูลการเข้าร่วมประชุมระหว่างบริษัทกับท่าน รวมถึงข้อมูลการเข้าร่วมการอบรม สัมมนา กิจกรรม หรือโครงการอื่น ๆ ที่บริษัทจัดขึ้น โดยอาจมีการบันทึกภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และหรือเสียงระหว่างการประชุม อบรม สัมมนา หรือกิจกรรมดังกล่าว
      8. ข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ เพื่อการดำเนินคดีหรือการบังคับคดี
      9. ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคระบาด
    2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน
    3. บริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดละอ่อนจากท่าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลอื่นใด ซึ่งมีผลกระทบต่อท่าน

      ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดของท่าน บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นกรณีไป ทั้งนี้บริษัทอาจมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน ได้แก่ ข้อมูลชีวภาพ เช่น ระบบการจดจำใบหน้า ระบบการจดจำเสียง และลายนิ้วมือ

  2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้

    1. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมด้วยกฎหมาย ( Legitimate Interests )
      1. เพื่อการติดต่อประสานงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
      2. เพื่อเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง หน่วยงาน และภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและกิจการของบริษัท
      3. พิจารณาความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจเข้าทำธุรกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน การพิสูจน์และการยืนยันตัวตน และ/หรือการตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจในการลงนามข้อตกลงหรือสัญญาใด ๆ กับบริษัท
      4. เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดี
    2. ความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติ/หน้าที่ตามกฎหมาย ( Legal Obligation )
      1. เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหมายศาล หนังสือ หรือคำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ รวมถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น หน่วยงานราชการ หรือองค์กรอิสระ เช่น สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพสามิต กรมโรงงาน กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมศุลกากร กรมที่ดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
      2. เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร
    3. ความจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล ( Vital Interest )
      1. เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
    4. ความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา ( Contractual Basis )
      1. เพื่อการดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ก่อนเข้าทำสัญญา เช่น การขึ้นทะเบียนคู่ค้า การพิจารณาคุณสมบัติของคู่ค้า การจัดเตรียมข้อมูลก่อนเข้าสู่กระบวนการการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น การสืบและจัดทำราคากลาง การระบุชื่อและรายละเอียดของคู่ค้าในระบบภายในของบริษัท เป็นต้น
      2. เพื่อการเชิญเสนอราคา การเสนอราคา การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจในการยื่นเอกสารเสนอราคาของผู้เสนอราคา และการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคากับบริษัท ตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัท รวมถึงกรณีที่ผู้เสนอเป็นผู้ให้บริการ ที่ปรึกษากฎหมาย ที่ปรึกษาบัญชี ที่ปรึกษาธุรกิจ และที่ปรึกษาภาษี ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน สถาบันการเงิน ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบบัญชีและการเงิน
      3. เพื่อความจำเป็นในการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น การตรวจสอบยืนยันตัวตน การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ รวมทั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และกระบวนการภายในต่าง ๆ ของบริษัท การพิจารณา จัดทำ และลงนามในสัญญาทางการค้า การปฏิบัติตามสัญญาว่าจ้าง สัญญาบริการ สัญญาทางการค้าอื่น ๆ และความตกลงหรือความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง ระหว่างบริษัท และคู่สัญญา รวมถึงกระบวนการขอและพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้องอันอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการบริษัทซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหรือผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ
      4. เพื่อความจำเป็นในการตรวจรับงานตามสัญญา
  3. หลักเกณฑ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย โดยบริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้โดยไม่ต้องขอความยินยอม

    1. เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
    2. เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
    3. เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา
    4. เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบหมายให้แก่บริษัท
    5. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    6. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
  4. การใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
  5. บริษัทมีวัตถุประสงค์และหลักเกณฑ์การดำเนินการ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นอย่างจำกัดให้แก่หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกเช่น คู่ค้า คู่สัญญา พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท และบริษัทในเครือ หน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรมสรรพากร กรมบังคับคดี ศาล

  6. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

    ท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

    1. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ( Right to Access ) ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเอง รวมถึงมีสิทธิให้บริษัทเปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
    2. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ( Right to Rectification ) ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
    3. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ( Right to Data Portability ) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านจากบริษัท ขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นและขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
    4. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ( Right to Withdraw Consent ) ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทได้ตลอดระยะเวลา อย่างไรก็ดี การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
    5. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ( Right to Object ) ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น เพื่อปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือใช้อำนาจรัฐของบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ
    6. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Restriction of Processing) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ในระหว่างรอการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ได้ร้องขอให้แก้ไขข้อมูลดังกล่าวให้ถูกต้อง หรือขอให้ระงับการใช้ แทนการลบข้อมูลส่วนบุคคล หรือในระหว่างการพิสูจน์ของบริษัทเพื่อปฏิเสธการใช้สิทธิคัดค้านของท่าน
    7. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (Right to Erasure) ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หากพบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีที่ท่านถอนความยินยอมแล้ว และบริษัทไม่มีอำนาจที่จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นต่อไป หรือในกรณีที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทไม่สามารถอ้างเหตุปฏิเสธการคัดค้านได้ หรือในกรณีที่การประมวลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    ในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้น หรือถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้เคยให้ไว้กับบริษัท ท่านสามารถติดต่อขอใช้สิทธิถอนความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ที่บริษัทหรือส่งคำร้องมาตามช่องทางติดต่อที่ระบุไว้ใน ข้อ9.

    อย่างไรก็ดี บริษัทอาจปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นของท่านได้ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งนี้ ในกรณีที่บริษัทปฏิเสธการใช้สิทธิ บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบ

  7. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
  8. บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในหนังสือฉบับนี้ หลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทยังคงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในองค์กรของบริษัท

  9. การรักษาความปลอดภัยสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
  10. บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหายการเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมายซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัท ในกรณีที่บริษัทให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแทนบริษัท บริษัทจะต้องกำหนดให้หน่วยงานหรือบุคคลภายนอกดังกล่าว เก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับ และรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว รวมถึงป้องกันมิให้นำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยเพื่อการอื่นใด โดยไม่มีอำนาจ หรือโดยขัดต่อกฎหมาย

  11. ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  12. บริษัทได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหนังสือฉบับนี้อย่างเคร่งครัด

  13. ช่องทางการติดต่อสอบถาม
    1. รายละเอียดข้อมูลผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ( Data Controller : DC ) ของ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ปิโตรเคมิคอล จำกัด
      สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 165/14-16 เนอวานา แอทเวิร์ค รามอินทรา ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
      โทรศัพท์ : 02-157-1555
      เว็บไซต์ : http://www.apcbkk.com/contact
      ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ท่านสามารถติดต่อมายังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ตามรายละเอียดด้านล่าง
    2. รายละเอียดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( Data Protection Officer: DPO ) ของ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค ปิโตรเคมิคอล จำกัด
      ชื่อ : เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
      สถานที่ติดต่อ : เลขที่ 165/14-16 เนอวานา แอทเวิร์ค รามอินทรา ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
      โทรศัพท์ : 02-157-1555
      อีเมล : dpo@apcbkk.com